.
ไม่ใช่แค่รู้จัก แต่ต้องเข้าใจ “Dripper Material”
สวัสดีค่ะ 🙏🏻 จากโพสต์ก่อนหน้านี้ที่เราพูดถึงเรื่องรูปทรงของดริปเปอร์ทั้ง 3 แบบ กันไปแล้วนะคะ วันนี้เราจะมาว่าด้วยเรื่องของวัสดุของดริปเปอร์ หรือ Dripper Material กันค่ะ เพราะการเลือกดริปเปอร์ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญ เนื่องจากวัสดุแต่ละแบบมีความแตกต่างกัน ทั้งเรื่องของการนำความร้อน (Thermal Conductivity) และการกักเก็บความร้อนไว้ในตัวดริปเปอร์ (Heat Retention) ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อรสชาติของกาแฟค่ะ 🤗
ส่วนใหญ่วัสดุที่พบเจอได้ในทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ พลาสติก (Plastic), แก้ว (Glass), เซรามิค (Ceramic), โลหะ (Metal) ได้แก่ ทองแดง (Copper) และ สแตนเลส สตีล (Stainless Steel) และสุดท้าย คือ วัสดุที่มาแรงในช่วงนี้อย่าง ไม้ไผ่ (Bamboo) 🎋
✨ เราจะมาเริ่มอธิบายวัสดุแรกกันเลยนะคะ นั่นก็คือ พลาสติก (Plastic): มีน้ำหนักเบา พกพาได้สะดวก มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อน ซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่ยอมให้ความร้อนเคลื่อนที่ผ่านหรือผ่านได้น้อย จะทำให้ดริปเปอร์พลาสติกนำความร้อนได้ไม่ดี เมื่อน้ำร้อนสัมผัสกับดริปเปอร์ อุณหภูมิภายในดริปเปอร์จะค่อยๆ สูงขึ้น เพราะว่าไม่มีการถ่ายเทความร้อนออกจากตัวดริปเปอร์นั่นเอง
✨ แก้ว (Glass): มีความเปราะบาง โปร่งใส แตกหักได้ง่าย แก้วมีคุณสมบัติที่คล้ายกับพลาสติก แต่แก้วจะกักเก็บความร้อนได้ดีกว่าพลาสติก แต่จะน้อยกว่าเซรามิค
✨ เซรามิค (Ceramic): เป็นวัสดุที่ดูมีความแข็งแรง ทนทาน สวยงาม คุ้มค่า และอายุการใช้งานนาน เซรามิคมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อน เช่นเดียวกับพลาสติกและแก้ว แต่ด้วยความที่เซรามิคเป็นเครื่องปั้นดินเผา ตัวมันเองจึงเป็นวัสดุที่เก็บความร้อนไว้ได้มากที่สุด
✨ โลหะ (Metal): สแตนเลส สตีล (Stainless Steel) และ ทองแดง (Copper) ซึ่งโลหะเป็นวัสดุที่นำความร้อนได้ดีที่สุด และถ่ายเทความร้อนได้เร็วเช่นกัน ทำให้เวลาที่เราลงน้ำตัวดริปเปอร์จะรักษาอุณหภูมิ เพราะเกิดการถ่ายเทความร้อนตลอดเวลา
✨ ไม้ไผ่ (Bamboo): วัสดุที่มาแรงในช่วงนี้ มีความเก๋ ชิคๆ คูลๆ เป็นวัสดุธรรมชาติ ไม่นำความร้อน ด้วยความเป็นงานจักรสานทำด้วยมือ จึงทำให้กาแฟเกิดการสกัดที่ไม่สม่ำเสมอได้ง่าย และด้วยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของไม้ไผ่ ทำให้เวลาดริปจะต้องล้างให้สะอาดก่อน เพื่อลดกลิ่นของไม้ไผ่ลงค่ะ
สุดท้ายแล้ว เราไม่ได้บอกว่าดริปเปอร์ตัวไหนจะดีกว่ากัน แต่เราควรที่จะทำความเข้าใจหลักการการนำความร้อนและการกักเก็บความร้อนของวัสดุดริปเปอร์แต่ละตัว รวมถึงรู้จักกาแฟ รู้จักอุปกรณ์การชงของตัวเอง และที่สำคัญต้องรู้ว่าตัวเองต้องการกาแฟรสชาติแบบไหน เพียงเท่านี้ เราก็จะได้กาแฟที่อร่อยที่สุดในแบบของเราเองแล้วค่ะ 🤎☕️